Personal Data Management Policy
บริษัท ไอ เอ็ม ดี จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ใช้บริการต่าง ๆ ของบริษัท (“บริการ”) มาโดยตลอด บริษัทจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงสำหรับการจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทกำหนดให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนั้น บริษัทยังจัดให้มีระบบการตรวจสอบการเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้ระบบมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล การแก้ไขส่วนบุคคลโดยผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นโยบายฯ ฉบับนี้อธิบายถึงประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย ประเภทของบุคคล หรือหน่วยงานซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมไว้ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้ ตลอดจนข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
นโยบายฯ ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานบริการต่าง ๆ ของบริษัท และบริษัทอาจแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง นโยบายฯ ฉบับนี้โดยจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
นโยบายฯ ฉบับนี้จะใช้กับข้อมูลใดๆที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่ท่านได้อนุญาตให้บริษัทได้เข้าถึง โดยรวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้ด้วย
– ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น ชื่อ นามสกุล วันเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล รูปถ่ายบัตรประชาชน (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) หมายเลขเลเซอร์ด้านหลังบัตรประชาชน รูปถ่ายของท่านรวมทั้งข้อมูลส่วนตัวอื่นใดที่สามารถใช้ระบุตัวตนของท่านได้
– ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (sensitive data) เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพซึ่งรวมถึงใบหน้า ลายนิ้วมือ รูม่านตา
– ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน รายได้ การใช้จ่าย การชำระหนี้ พฤติกรรมการบริโภค ข้อมูลผู้ใช้งาน ข้อมูลการใช้งาน ตำแหน่งที่มีการใช้งานบริการของบริษัท ข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ข้อมูลบัญชีต่าง ๆ ข้อมูลการทำธุรกรรม และ/หรือความสนใจของท่านเมื่อประกอบกับข้อมูลอื่นอันทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ และ/หรือ บุคคลไร้ความสามารถ ในกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล (แล้วแต่กรณี) ได้ให้ความยินยอมแล้วเท่านั้น บริษัทมิได้มีเจตนาในการเก็บรวบรวมใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่กล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด และหากบริษัทพบว่ามีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่ บริษัทมีสิทธิตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมใช้ และ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง และ/หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในข้อ 3 ด้านล่างนี้ ในกรณีที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทไม่ว่าข้อมูลใด เช่น การให้ ชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลสำหรับติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ท่านรับรองว่าท่านได้แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบเกี่ยวกับการเปิดเผย และการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัทแล้ว และบุคคลดังกล่าวได้ให้ความยินยอมแก่ท่านเพื่อการเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามนโยบายฯฉบับนี้แล้ว
บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ และ/หรือความชอบของท่าน และ/หรือข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซด์ต่างๆ ของท่านด้วยการใช้คุกกี้ในเว็บไซด์ และแอปพลิเคชันของบริษัท โดยคุกกี้ที่อยู่ในเว็บไซด์ และแอปพลิเคชันของบริษัทจะเก็บข้อมูลของท่านไว้ และบริษัทจะสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของท่านให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ เมื่อท่านดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันของบริษัทในบริษัทไว้ในมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดของท่าน บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ข้อมูลสมุดโทรศัพท์ ข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ท่านมีไว้เพื่อใช้งาน เป็นต้น
ในการติดต่อระหว่างท่านกับบริษัทไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล แอปพลิเคชันของบริษัท แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ศูนย์บริการลูกค้า หรือการติดต่อโดยวิธีการอื่นใด บริษัทอาจดำเนินการบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการ เพื่อติดตามความพึงพอใจของท่าน เพื่ออบรมบุคลากร เพื่อประเมินผลงานบุคลากร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเพื่อพัฒนาระบบของบริษัท
ในการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล โอน หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
– การให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทแก่ท่าน
– การแปลงข้อมูลที่ได้รับให้กลายเป็นชุดข้อมูลเสมือนที่มีการเข้ารหัส (Tokenization) เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ แทนการใช้ข้อมูลดิบ
– การวิจัย ติดตาม ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลของท่านเพื่อการปรับปรุง และการแก้ไขผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ หรือการพัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการใหม่ ให้เหมาะสมกับความต้องการของท่าน ไม่ว่าจะนำเสนอโดยบริษัท บริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
– การบริหาร และจัดการความเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวข้อง
– การปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบ ตลอดจนแนวทางหรือข้อกำหนดต่างๆของหน่วยงานที่กำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท
– การใช้สิทธิตามสัญญา หรือสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทกับท่าน
– การปฏิบัติตามนโยบายการดำเนินการภายในของบริษัท และบริษัทในเครือ
– การดำเนินการ หรือส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด และส่งเสริมการขาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทเอง หรือของบริษัทในเครือ หรือของบุคคลอื่น
– การติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการให้บริการของบริษัท และบริหารความสัมพันธ์ของบริษัทกับท่าน
ทั้งนี้ สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (sensitive data) ของท่าน บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลต่างๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลดังกล่าวอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามมาตรฐานในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศอื่นที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลไปอาจจะยังไม่เพียงพอหรือต่ำกว่ามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย แต่บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจได้ว่าผู้รับข้อมูลมีระบบการดูแลรักษาข้อมูลที่มั่นคงปลอดภัย
4.1 ผู้ถือหุ้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท (ทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ) อาจใช้ และประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในข้อ 3 ข้างต้น
4.2 ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัทซึ่งรวมถึงหน่วยงานราชการที่บริษัทขอใช้บริการด้วย เช่น ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ โดยผู้ให้บริการดังกล่าวจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่บริษัทอนุญาตให้ใช้ และต้องสอดคล้องกับนโยบายฯ นี้ โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการเปิดเผยเพียงเท่าที่จำเป็น (need-to-know basis) เท่านั้น
– ที่ปรึกษาวิชาชีพต่างๆ เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้สอบบัญชี เป็นต้น
– ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ
– ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลรวมถึงผู้ให้บริการคลาวด์
– ผู้ให้บริการทางการตลาด ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการในการจัดทำข้อมูลและสถิติด้วย
– ผู้ให้บริการงานโฆษณา งานประชาสัมพันธ์ และการติดต่อสื่อสาร
– ผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบและเครือข่ายชำระเงิน
– ผู้ให้บริการการยืนยันตัวตนต่างๆ ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการ Dip Chip บัตรประชาชน
– ตัวแทนรับชำระเงิน
– สถาบันการเงิน และ บุคคลภายนอกอื่นที่บริษัทใช้บริการในการให้บริการแก่ท่าน
– ผู้ให้บริการตรวจสอบข้อมูล เช่น เน็ตเบย์ และกรมการปกครอง (DOPA) เป็นต้น
4.3 พันธมิตรของบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นที่มีข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับบริษัท เช่น สถาบันการเงินต่างๆ บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุน เป็นต้น
4.4. สมาคมต่างๆ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่สมาคมต่างๆ ที่บริษัทสมัครเข้าเป็นสมาชิก เช่น สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย (TEPA) เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
4.5 บุคคลอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คำสั่งของหน่วยงานราชการ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล หรือคำสั่งของหน่วยงานตุลาการให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
4.6 ผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือหน้าที่จากบริษัทใดในบริษัท ในกรณีที่บริษัทใดในบริษัทประสงค์จะโอนสิทธิ และหน้าที่ของบริษัทนั้น ๆ รวมถึงการโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด การควบรวมกิจการ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท บริษัทนั้น ๆ จำเป็นจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับโอน (รวมถึงผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้รับโอน) โดยสิทธิและหน้าที่ของผู้รับโอนในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามนโยบายฯ ฉบับนี้ด้วย
5.1 การให้ความยินยอม ท่านมีสิทธิเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่บริษัทร้องขอ และยินยอมให้บริษัทจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว หรือไม่ก็ได้ เพียงแต่ท่านต้องรับทราบว่าการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ครบถ้วนตามที่บริษัทร้องขอ หรือการไม่ให้ความยินยอมในการจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำให้ท่านถูกจำกัดสิทธิการใช้บริการบางอย่างของบริษัท หรือส่งผลให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้เลยหากข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต่อบริษัทในการให้บริการแก่ท่าน
5.2 การเข้าถึงข้อมูล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้ และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้น หรือขอให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่เจ้าของข้อมูลเองหรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (หากข้อมูลดังกล่าวอยู่ในรูปแบบที่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้) รวมทั้ง ท่านยังสามารถขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหากข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมในการจัดเก็บ
5.3 การคัดค้าน ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน หากข้อมูลนั้นบริษัทจัดเก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน หรือข้อมูลนั้นเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยเพื่อการตลาดแบบตรง หรือการเพื่อการศึกษาวิจัย
5.4 การลบ หรือ ทำลาย ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทลบ หรือ ทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้ หรือให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวเจ้าของข้อมูลได้ หากท่านเพิกถอนหรือคัดค้านการเก็บ ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน หรือเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บ ใช้ หรือ เปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือเมื่อบริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5.5 การระงับใช้ ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการชั่วคราวได้ หากบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือตรวจสอบคำคัดค้านของท่าน นอกจากนี้ ในกรณีที่ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านอาจขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลดังกล่าวแทนการลบหรือทำลายก็ได้
5.6 การแก้ไข ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5.7 การถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ แต่การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านต่อไปได้
5.8 การร้องเรียน ในกรณีที่ท่านพบว่าบริษัท ลูกจ้าง หรือ ผู้รับจ้างของบริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในการใช้สิทธิของท่าน ท่านรับทราบว่าสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในข้อ 5.1 ถึง 5.8 ข้างต้น เป็นสิทธิที่มีข้อจำกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านหากบริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าว
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาขั้นต่ำที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดเอาไว้ ปัจจุบันบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ภายหลังจากที่บริษัทสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่านในฐานะลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจยังคงจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวหากบริษัทเห็นว่าบริษัทยังมีความจำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลของท่านเพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว หรือเพื่อความจำเป็นอื่นใดที่บริษัทเห็นสมควร เช่น การบังคับสิทธิตามกฎหมายหรือตามสัญญาของบริษัท เป็นต้น
หากท่านประสงค์จะติดต่อเพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยอื่นใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ: ศศิวิภา อยู่ศรีเจริญ
E-mail: sasivipa.y@imd.co.th
เบอร์โทรศัพท์: 02 861 5947
ที่อยู่สำหรับติดต่อทางไปรษณีย์: 19 ชั้น 1 ซอย เพชรเกษม 32/1 แขวง ปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160